รัสเซียถล่มยูเครน หนุน”สินค้าโภคภัณฑ์”พุ่งแรง

ครบรอบหนึ่งสัปดาห์ที่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน จนสามารถยึดครองหลายพื้นที่ได้สำเร็จ ท่ามกลางกระแสคัดค้านของนานาชาติที่มองว่าการกระทำของรัสเซียนั้นขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก ขณะที่หลายครอบครัวต้องหนีตายลี้ภัยไปประเทศอื่น แม้นานาประเทศจะไม่ได้ร่วมรบกับยูเครนโดยตรง แต่เลือกตอบโต้รัสเซียด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

ทั้งตัดธนาคารหลายแห่งของรัสเซียออกจากระบบการเงินโลก (SWIFT) มีการอายัดทรัพย์สินเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึงนักธุรกิจ มหาเศรษฐีหลายคนที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงของรัฐบาล ปิดน่านฟ้าไม่ให้เครื่องบินของรัสเซียผ่าน แบนธุรกิจ กิจการที่เจ้าของเป็นคนรัสเซีย ไปจนถึงตัดสัมพันธ์ทางการฑูตกับรัสเซีย

โดยสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดิ่งหนักทันทีตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน แม้ปัจจุบันจะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ท่ามกลางความหวังเรื่องการเจรจาสันติภาพ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง

ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นแรง นำโดย “น้ำมันดิบ” ที่ล่าสุดจ่อทะลุ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสูงสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก มีกำลังการผลิตราว 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็น 10% ของกำลังการผลิตทั้งโลก

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ มีลูกค้าหลัก คือ ประเทศในยุโรป โดยมีท่อส่งก๊าซตรงไปถึงเยอรมนี จึงวิตกว่าเมื่อรัสเซียถูกคว่ำบาตรจะส่งผลกระทบต่อซัพพลายพลังงานของโลก

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่พุ่งแรงกลายเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นมาอย่างคึกคัก นำโดยหุ้นพลังงานต้นน้ำ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ ทำนิวไฮในรอบกว่า 3 ปี ล่าสุดมาปิดที่ 150.50 บาท โดยในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 17%

รัสเซียถล่มยูเครน หนุน”สินค้าโภคภัณฑ์”พุ่งแรง

ส่วน “ถ่านหิน” แม้ว่าช่วงไฮซีซั่น ฤดูหนาวกำลังผ่านพ้นไป แต่ราคาถ่านหินยังพุ่งไม่หยุด เดินหน้าทำออลไทม์ไฮรายวัน หลายประเทศเลี่ยงซื้อถ่านหินจากรัสเซีย หันไปซื้อจากแหล่งอื่นแทน กลายเป็นสตอรี่ดันราคาหุ้นถ่านหินวิ่งแรงทันที

โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นพี่ใหญ่ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ทำนิวไฮในรอบ 4 เดือนที่ 12.80 บาท

ส่วน บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA ไม่น้อยหน้า ช่วงนี้วอลุ่มวิ่งเข้าทุกวัน ทำนิวไฮรอบ 4 เดือนเช่นกันที่ 24.30 บาท

ขณะที่ “ดัชนีค่าระวางเรือ” กลับสู่ขาขึ้นอีกครั้งตามราคาน้ำมันดิบ โดยขณะนี้สายเดินเรือหลายแห่งปิดรับออเดอร์เส้นทางรัสเซียและยูเครน ด้านบริษัทประกันภัยไม่รับประกันการขนส่งสินค้าในเส้นทางดังกล่าว ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังคุกรุ่น

หนุนราคาหุ้นทั้งกลุ่มแล่นฉิว ทั้งบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL กำลังทำนิวไฮใหม่ของปีหลังขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 19 บาท, บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เดินหน้าทำจุดสูงสุดของปีที่ 10.50 บาท

ด้าน “ราคาสินค้าเกษตร” วิ่งแรง นำโดย “ข้าวโพด” และ “ข้าวสาลี” ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของรัสเซียและยูเครน แต่เมื่อข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นไปด้วย เพราะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งสุดท้ายแล้วต้นทุนที่สูงขึ้นจะถูกส่งต่อมาที่ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ

ขณะที่ ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง น้ำตาล ยางแท่ง ยางแผ่น น้ำมันปาล์ม พร้อมใจปรับตัวขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง กลายเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง

ด้านบล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า แนะนำเก็งกำไรหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ล้อไปกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังไม่สิ้นสุด หุ้นเด่นฝั่ง Hard Commodities ได้แก่ PTTEP และ BANPU หลังราคาน้ำมันดิบและถ่านหินต่างทํานิวไฮ ส่วนหุ้นเด่นทางฝั่ง Soft Commodities ได้แก่ TVO

ในทางกลับกันแนะนําหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีสัดส่วนต้นทุนอิงกับ Commodity ในระดับสูง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า สายการบิน เดินเรือ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ รับเหมาก่อสร้าง เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ และ ปศุสัตว์ รวมถึงกลุ่มปั๊มน้ำมันที่มีแนวโน้มเผชิญกับค่าการตลาดที่อยู่ในระดับต่ำต่อไป

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket

ครบรอบหนึ่งสัปดาห์ที่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครน จนสามารถยึดครองหลายพื้นที่ได้สำเร็จ ท่ามกลางกระแสคัดค้านของนานาชาติที่มองว่าการกระทำของรัสเซียนั้นขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก ขณะที่หลายครอบครัวต้องหนีตายลี้ภัยไปประเทศอื่น แม้นานาประเทศจะไม่ได้ร่วมรบกับยูเครนโดยตรง แต่เลือกตอบโต้รัสเซียด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ทั้งตัดธนาคารหลายแห่งของรัสเซียออกจากระบบการเงินโลก (SWIFT) มีการอายัดทรัพย์สินเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึงนักธุรกิจ มหาเศรษฐีหลายคนที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงของรัฐบาล ปิดน่านฟ้าไม่ให้เครื่องบินของรัสเซียผ่าน แบนธุรกิจ กิจการที่เจ้าของเป็นคนรัสเซีย ไปจนถึงตัดสัมพันธ์ทางการฑูตกับรัสเซีย โดยสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดิ่งหนักทันทีตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน แม้ปัจจุบันจะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ท่ามกลางความหวังเรื่องการเจรจาสันติภาพ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้นแรง นำโดย “น้ำมันดิบ” ที่ล่าสุดจ่อทะลุ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสูงสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก มีกำลังการผลิตราว 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็น 10% ของกำลังการผลิตทั้งโลก นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ มีลูกค้าหลัก คือ ประเทศในยุโรป โดยมีท่อส่งก๊าซตรงไปถึงเยอรมนี จึงวิตกว่าเมื่อรัสเซียถูกคว่ำบาตรจะส่งผลกระทบต่อซัพพลายพลังงานของโลก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่พุ่งแรงกลายเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นมาอย่างคึกคัก นำโดยหุ้นพลังงานต้นน้ำ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด…