อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ “ทรงตัว”ที่ระดับ 33.53 บาท/ดอลลาร์

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่แกว่งตัว Sideways ในกรอบเดิมต่อ โดยโอมิครอนในประเทศยังเป็นปัจจัยที่กดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.53 บาทต่อดอลลาร์”ทรงตัว”จากระดับปิดวันก่อนหน้า

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าผู้เล่นในตลาดการเงินบางส่วนเริ่มทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่รีบาวด์จากช่วงปรับฐานหนักจากความกังวลปัญหาการระบาดของโอมิครอนมาพอสมควร อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต้องการที่จะเพิ่มสภาพคล่องเพื่อรอซื้อหุ้นในธีม Reopening ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มการเงิน กลุ่มพลังงาน กลุ่มการเดินทาง/พักแรม และกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น ซึ่งภาพการขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ เพื่อเข้าหุ้นกลุ่ม Reopening ได้สะท้อนผ่าน การย่อตัวลงของดัชนี Nasdaq ที่ปิดตลาด -0.56% ในขณะที่ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงเพียง -0.10% ส่วนดัชนี Dow Jones ซึ่งมีสัดส่วนหุ้นในธีม Reopening มากนั้น สามารถปรับตัวขึ้น +0.26%

ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป เดินหน้าปรับตัวขึ้นราว +0.56% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Cyclical/Reopening theme อาทิ Iberdrola +2.6%, Enel +1.6%, Airbus +1.0%, Intesa Sanpaolo +0.9% โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Reopening สะท้อนว่าผู้เล่นในตลาดได้คลายกังวลปัญหาการระบาดของโอมิครอนและต่างคาดหวังว่าเศรษฐกิจซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้จะกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องหลังการระบาดสงบลง

ส่วนทางด้านฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้ตัว 1.47% เนื่องจากเป็นช่วงปลายปี ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจไม่ได้มีการปรับสถานะถือครองอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งเรามองว่า โฟลว์ธุรกรรมในตลาดบอนด์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งเรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจและท่าทีของเฟดที่จะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น นอกจากนี้ ภาพการเปิดรับความเสี่ยงของตลาดก็มีส่วนที่จะช่วยหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้

ในฝั่งตลาดค่าเงิน แม้ว่า เงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวผันผวน แต่โดยรวมก็เป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ตามที่เราประเมินไว้ในช่วงต้นสัปดาห์ โดยแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมาได้ หนุนให้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) แกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 96.20 จุด ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย รวมถึงแรงขายทำกำไรทองคำ ได้กดดันให้ ราคาทองคำย่อตัวลงสู่ระดับ 1,805 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในช่วงแรกสู่ระดับ 1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่เราประเมินว่าจะเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรทองคำมากขึ้น

สำหรับวันนี้ ประเด็นการระบาดของโอมิครอนในประเทศยังคงเป็นสิ่งที่ตลาดติดตามอย่างใกล้ชิด แต่เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติต่างไม่ได้กังวลกับสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนมากนัก ดังจะเห็นได้จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในวันก่อนที่สุทธิแล้วยังเป็นฝั่งซื้อสินทรัพย์ไทยอยู่ ซึ่งเราคาดว่า ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติจะไม่ไหลออกสุทธิรุนแรง หากสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนไม่ได้น่ากังวลมากนัก เหมือนกับในต่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยการเร่งแจกจ่ายวัคซีนเข็มกระตุ้น

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการควรระมัดระวังความผันผวนในตลาดช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี หากมีธุรกรรมขนาดใหญ่เข้ามาในตลาด ในช่วงที่ธุรกรรมในตลาดโดยรวมเบาบางลงกว่าช่วงปกติ

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มที่แกว่งตัว Sideways ในกรอบเดิมต่อ โดยปัญหาการระบาดของโอมิครอนในประเทศยังเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทในฝั่งอ่อนค่าอยู่ แต่เราเชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติไม่ได้กังวลสถานการณ์การระบาดมากนัก ทำให้ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจไม่ได้ไหลออกจากสินทรัพย์ไทยอย่างรุนแรง นอกจากนี้ เงินบาทอาจได้แรงหนุนจากโฟลว์ขายทำกำไรทองคำมากขึ้น กอปรกับ เงินดอลลาร์โดยรวมยังทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงที่เหลือของปีนี้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.45-33.60 บาท/ดอลลาร์

ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.53-33.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังเปิดตลาดในช่วงเช้าวันนี้ อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวันทำการก่อนหน้าที่ 33.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้เงินบาทและสกุลเงินเอเชียในภาพรวมอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ โดยเงินดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ข้อมูลดัชนีภาคการผลิตของเฟดสาขาริชมอนด์และดัชนีราคาบ้านของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมามีทิศทางแข็งแกร่ง และสนับสนุนแนวโน้มคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.45-33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ สถานการณ์โควิด-19 และตัวเลขยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่แกว่งตัว Sideways ในกรอบเดิมต่อ โดยโอมิครอนในประเทศยังเป็นปัจจัยที่กดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.53 บาทต่อดอลลาร์”ทรงตัว”จากระดับปิดวันก่อนหน้า นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าผู้เล่นในตลาดการเงินบางส่วนเริ่มทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่รีบาวด์จากช่วงปรับฐานหนักจากความกังวลปัญหาการระบาดของโอมิครอนมาพอสมควร อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต้องการที่จะเพิ่มสภาพคล่องเพื่อรอซื้อหุ้นในธีม Reopening ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มการเงิน กลุ่มพลังงาน กลุ่มการเดินทาง/พักแรม และกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น ซึ่งภาพการขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ เพื่อเข้าหุ้นกลุ่ม Reopening ได้สะท้อนผ่าน การย่อตัวลงของดัชนี Nasdaq ที่ปิดตลาด -0.56% ในขณะที่ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงเพียง -0.10% ส่วนดัชนี Dow Jones ซึ่งมีสัดส่วนหุ้นในธีม Reopening มากนั้น สามารถปรับตัวขึ้น +0.26% ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป เดินหน้าปรับตัวขึ้นราว +0.56% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Cyclical/Reopening theme อาทิ Iberdrola…