
รู้จัก PTC หุ้นน้องใหม่ “คลังน้ำมัน” รายแรกเข้าเทรด 15 ก.พ.นี้
- by admin
กระแสหุ้น IPO (การเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากบรรดานักลงทุน ทำให้มีหลายบริษัทต่อคิวเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยกันคึกคักในช่วงที่ผ่านมา
ล่าสุด “บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น” หรือชื่อหลักทรัพย์ PTC ผู้ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันสำหรับรับ เก็บ ผสม และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ครอบคลุมสถานีบริการน้ำมันทั้งอีสานเหนือและอีสานใต้ ซึ่งมีรากฐานมาจากธุรกิจขนส่งน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน รวมถึงค้าส่งน้ำมันให้ภาคอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนเสนอขาย IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย 3.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งปิดจองซื้อไปเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดย “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “วีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTC ถึงที่มาที่ไปการระดมทุนในครั้งนี้ ตลอดจนทิศทางธุรกิจในอนาคต
ธุรกิจคลังน้ำมันอิสระเจ้าแรก
“วีรวัฒน์” เปิดเผยว่า PTC เริ่มต้นธุรกิจคลังน้ำมันมาตั้งแต่ปี 2556 โดยเปิดคลังน้ำมันที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอยู่ในพื้นที่อีสานเหนือเป็นแห่งแรก และต่อมาได้ขยายไปตั้งคลังน้ำมันไปยังเขตอีสานใต้ที่จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้การให้บริการครอบคลุมทั้งอีสานเหนือและอีสานใต้
โดย 1 ในผู้ที่ใช้บริการคลังน้ำมันของ PTC ก็มีผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย อย่างบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR อยู่ด้วย ทั้งนี้ PTC นับเป็นผู้ให้บริการคลังน้ำมันอิสระรายแรกที่เข้าสู่ตลาดหุ้น
“โมเดลการทำธุรกิจของ PTC มาจากรายได้การให้บริการ ฉะนั้นความผันผวนของราคาน้ำมันจะไม่เกี่ยวกับ PTC โดยเรามีลูกค้าอยู่ 2 กลุ่ม คือ ลูกค้าทางตรง ก็คือรายใหญ่ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์น้ำมันทั้งหลาย กับลูกค้าทางอ้อม ก็คือ สถานีบริการน้ำมันที่อยู่ในสังกัดของลูกค้ารายใหญ่อีกที ซึ่งรายได้จะเกิดจากการที่เราให้บริการ อย่างเช่น 1 เดือน เราให้บริการจ่ายน้ำมันไปกี่ลิตร ก็จะเอาจำนวนลิตรนั้นมาคูณกับราคาตามสัญญา และคิดเป็นค่าบริการรายเดือน ดังนั้น น้ำมันไม่ใช่ของเรา เราไม่ต้องไปรับผิดชอบตรงนั้น”
กำไรโต-หนี้ลด-เงินสดเหลือ
โดยผลดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา PTC มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากปี 2561-2563 รายได้เติบโตขึ้นประมาณ 61% มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่กว่า 70% และรักษาระดับกำไรสุทธิเติบโตที่กว่า 40% มาทุกปี อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) มีการเติบโตอยู่ที่ 11-12% และอัตรากำไรสุทธิก็บวกขึ้นมา 47%
ขณะที่อัตราส่วนหนี้ต่อทุน (D/E Ratio) มีแนวโน้มลดลง จากในปี 2561 อยู่ที่ 3.38%, ปี 2562 ลดลงเหลือ 1.87% ปี 2563 ลดลงเหลือ 0.87% และในช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 D/E Ratio ก็ลดลงมาอยู่ที่ 0.47% จากที่มีหนี้สินเหลืออยู่ที่ 176 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 72 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 43%
กางแผนดันธุรกิจโตต่อเนื่อง
โดยแผนการเติบโตของ PTC จะมี 3 แนวทาง คือ 1.การเติบโตจากภายใน (organic growth) ที่คลังน้ำมันจะเติบโตไปตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
2.การเติบโตจากภายนอก (inorganic growth) จากคลังน้ำมันขอนแก่น และคลังน้ำมันศรีสะเกษ ยังสามารถให้บริการได้อีกมาก ทั้งการรับลูกค้าเพิ่ม การให้ลูกค้าเดิมเข้ามารับน้ำมันมากขึ้น และการเปิดทำเลใหม่ ๆ
และ 3.การกระจายธุรกิจ ซึ่งบริษัทได้ศึกษาการลงทุน การเข้าประมูลโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของภาครัฐ
“ปัจจุบันคาพาซิตี้ของคลังน้ำมันขอนแก่น เราจ่ายได้ 1,400 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราจ่ายอยู่ประมาณปีละกว่า 800 ล้านลิตร ก็ยังเหลือช่องว่างพอสมควร ส่วนคลังศรีสะเกษมีกำลังการผลิตอยู่ 770 ล้านลิตร ที่ผ่านมาจ่ายน้ำมันอยู่ราวกว่า 200 ล้านลิตรต่อปี ก็ยังเหลือกำลังการผลิตอีกพอสมควร สามารถขยายได้”
เข้าเทรด mai วันแรก 15 ก.พ.นี้
การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย 3 ส่วน ตามแผนดำเนินงาน 3-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1.เพิ่มประสิทธิภาพในการรับจ่ายน้ำมัน โดยวิธีการรองรับและวิธีการโอนคลังที่หลากหลาย และเพิ่มปริมาณสถานีบริการที่จะเข้ามารับน้ำมัน
2.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หาจุดที่มีศักยภาพในการสร้างคลังน้ำมันเพิ่มเติม
และ 3.สร้างธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อการกระจายฐานรายได้ ลดความเสี่ยงจากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนกว่า 300 ล้านบาท ไปใช้ 2 ส่วน คือ 1.ชำระเงินกู้สถาบันการเงิน 120 ล้านบาท และ 2.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจอีกกว่า 200 ล้านบาท
“การเสนอขายหุ้น IPO ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน จากการที่ไปประชาสัมพันธ์สื่อสารกับนักลงทุนรายย่อย ก็มีนักลงทุนที่เข้ามาให้ความสนใจจำนวนมาก ซึ่งหลังจากเปิดขายไอพีโอ บริษัทเตรียมจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 15 ก.พ.นี้”
“วีรวัฒน์” กล่าวด้วยว่า หลังจากที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่มีสถานการณ์โควิด-19 บริษัทได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มาก มาถึงปี 2565 นี้ เชื่อว่าธุรกิจจะเติบโตได้ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยโควิดน่าจะหมดไปในเร็ว ๆ นี้ และจะทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันกลับมาเติบโตขึ้นมา และกลับสู่ภาวะปกติในเร็ว ๆ นี้
“ฝากถึงนักลงทุนว่า PTC เป็นบริษัทที่มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่าย (free cash flow) ในระดับสูงมาตลอด ซึ่งนักลงทุนอาจจะมองว่า PTC เป็นหุ้นปันผล (dividend stock) แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่มี จากงบการเงินและโครงการในอนาคตที่มีศักยภาพที่ศึกษาอยู่ PTC ก็จะก้าวไปสู่การเป็นหุ้นเติบโต (growth stock) ได้ไม่ยาก” ซีอีโอ PTC กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance
กระแสหุ้น IPO (การเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากบรรดานักลงทุน ทำให้มีหลายบริษัทต่อคิวเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นไทยกันคึกคักในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด “บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น” หรือชื่อหลักทรัพย์ PTC ผู้ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันสำหรับรับ เก็บ ผสม และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ครอบคลุมสถานีบริการน้ำมันทั้งอีสานเหนือและอีสานใต้ ซึ่งมีรากฐานมาจากธุรกิจขนส่งน้ำมัน สถานีบริการน้ำมัน รวมถึงค้าส่งน้ำมันให้ภาคอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนเสนอขาย IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย 3.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งปิดจองซื้อไปเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดย “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “วีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTC ถึงที่มาที่ไปการระดมทุนในครั้งนี้ ตลอดจนทิศทางธุรกิจในอนาคต ธุรกิจคลังน้ำมันอิสระเจ้าแรก “วีรวัฒน์” เปิดเผยว่า PTC เริ่มต้นธุรกิจคลังน้ำมันมาตั้งแต่ปี 2556 โดยเปิดคลังน้ำมันที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอยู่ในพื้นที่อีสานเหนือเป็นแห่งแรก และต่อมาได้ขยายไปตั้งคลังน้ำมันไปยังเขตอีสานใต้ที่จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้การให้บริการครอบคลุมทั้งอีสานเหนือและอีสานใต้ โดย…